วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

มานั่งเหมียว ที่คาเฟ่แมว "เมาแมวคาเฟ่" @พะเยา ดีกว่า


มีทาสแมวคนไหนที่อยากเลี้ยงแมวใจจะขาด แต่ที่บ้านไม่เข้าใจบ้างมั้ย?
คนที่บ้านแพ้ขนแมวบ้างละ... บางทีหนักๆ ก็...เกลียดแมวกันทั้งบ้าน  T__T
ถ้ามี.. ก็นับว่าเราเป็นพวกเดียวกัน

เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในตุ่มเนื้อสีชมพู (ที่มีเล็บแหลมๆ ซ่อนอยู่)
และลิ้นสากๆ ของเจ้าเหมียว (ที่มีเขี้ยวคมๆ คอยงับเราอยู่ตลอดเวลา)
ในเมื่อไม่สามารถรับน้องแมวมาเลี้ยงเองที่บ้านได้
ก็อาศัยไปเล่นน้องแมวคนอื่นเอาก็ได้



เมื่อก่อน... ที่ไหนมีคาเฟ่สัตว์น่ารักๆ ก็มักจะตระเวนไปเดินหา
แต่ก็เจอบ้าง ไม่เจอบ้าง ตามประสาคนที่มักจะหลงทิศหลงทางอยู่บ่อยๆ
บางครั้งก็ดีหน่อย ที่ลากเอาเพื่อนไปด้วยได้ ไม่หลงทาง แถมได้เล่นกับเด็กๆ ในร้านด้วย

ทั้งคาเฟ่หมา Inu Machi Café  ที่มีทั้งน้องไซบีเรียนและชิบะอินุ น่ารักน่าฟัดทั้งนั้น

หรือคาเฟ่สัตว์แปลกๆ อย่าง Little Zoo ที่มีจิ้งจอกทะเลทรายแสนน่ารักและขี้เซา
และแรคคูนจอมค้นเป็นดาราเด่นของร้าน แล้วก็ยังมีน้องหมา น้องแมว นกและ..เยอะอะ ต้องลองไปดู

แล้วก็ร้านอื่นๆ ที่ตั้งใจไปเปิดหา แต่กลับหาร้านไม่เจอ (เพราะหลงทางซะก่อน)


แต่วันนี้เราไม่ได้พูดถึงคาเฟ่อื่นซะหน่อย
เพราะไปเที่ยวก่อนที่จะมาทำบล็อค รูป+ไฟล์ ร้านที่เคยไปเที่ยวมามันก็หายหมดแล้ว
เอาไว้ถ้ามีโอกาสได้กลับไปเที่ยวร้านเดิมอีก เราจะกลับมาเล่าอีกรอบนะ :)


คาเฟ่ที่อยากพูดถึงวันนี้คือ... "เมาแมวคาเฟ่" ต่างหาก
ถ้าเราจำไม่ผิด  ร้านนี้เป็นคาเฟ่แมวร้านที่สองในตัวเมืองพะเยา
(จริงๆ ก็มีอีกร้านนึง แต่อยู่ไกลบ้านกว่า เลยยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที)

เพราะร้านนี้อยู่ใกล้บ้านมากกว่า แบบที่เราเดินไป-กลับ ก็สบายมาก
แถมยังเป็นทางผ่านตอนไปวิ่งออกกำลังกาย เพราะร้านอยู่ใกล้กว๊านพะเยา
แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัด แต่หลบอยู่ในซอยนิดๆ
เมื่อก่อนเป็นที่พักโฮมสเตย์ ชื่อ บ้านพะเยารอเธอ
ตอนนี้ก็ต่อเติมมาทำคาเฟ่แมวด้วย


ข้างในร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน ด้วยบานกระจกใส
ด้านนอกเป็นส่วนที่นั่งทานอาหาร+เครื่องดื่มแบบสบายๆ ไม่มีน้องแมวมารบกวน
แต่สามารถมองทะลุกระจกได้เหมือนกัน 
ซึ่งแนะนำว่า ถ้าใครอยากทานอาหารจริงๆ ควรนั่งทานด้านนอกจะสะดวกกว่า
เพราะด้านใน ที่เป็นโซนเล่นกับน้องแมว (แต่ก็มีโต๊ะบริการเหมือนกัน) จะทานไม่ค่อยสะดวก
เพราะนอกจากกลิ่นของน้องแมว (ที่มีเป็นปกติเกือบทุกคาเฟ่แล้ว)
คุณจะยังเจอกับ... ตัวป่วนแบบนี้

มาแบบแผนสูง.. โผล่มาจากใต้โต๊ะ แล้วลุย...!!

แต่.. ไม่สำเร็จ

รอบสอง.. มาแบบซึ่งๆ หน้า ด้อมๆ มองๆ แล้ว...


ยืดดด.. แต่โดนจับได้อีกแล้ว อิอิ
ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ  กินไป กันแมวไป วุ่นวายแล้วก็ตลกดี



เมนูอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่เครื่องดื่ม กับ ของทานเล่นมากกว่า
แต่ก็มีคาโบนาร่าให้สำหรับคนที่หิว เอาไว้ทานรองท้องด้วย
เรื่องรสชาติ ก็อร่อยดีค่ะ  ราคาก็เท่ากับร้านเครื่องดื่มทั่วไปเลย ไม่แพงมาก

ทีนี้เราเข้ามาดูด้านใน โซนเล่นกับน้องแมวบ้างดีกว่า
ข้างในจะมี ตู้เก็บรองเท้า พร้อมกับแปรงกำจัดขนแมวที่ติดเสื้อผ้าเรา
วางอยู่กับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และข้อปฏิบัติเวลาเล่นกับน้องแมว



สองตัวนี้ น่าจะเป็นพี่น้องกันละมั้ง เหมือนกันมาก และซนมากทั้งคู่เช่นกัน 555
แต่สองตัวนี้รับแขกเก่งมากนะ  พอลูกค้ามานั่งด้านในปุ๊บ ก็วิ่งมาเล่นด้วยเลย
แมวเด็กก็น่ารักเงี้ยเนอะ  แต่ถ้าแมวแก่ๆ หน่อย.. เชิด เมิน ฉันไม่สนหรอก มะนุ้ด

มองนะ.. แต่ไม่เล่นด้วยหรอก เลียขนแป๊บ

(สีหน้ากำลังสงสัยว่า ไอ้อ้วนส้มนี่มันพวกเดียวกันหรือเปล่า 5555

เคลิ้มมมม

เจ้าตัวนี้ตัวโปรดเราเลย ขาสั้น พันธุ์มันช์กั้น  หน้าตาดูเอาเรื่อง แถมหยิ่งอีกแน่ะ
เล่นด้วยก็ไม่เล่น วิ่งหนีตุ๊กๆ ไปหลบในกล่องซะงั้น



น้องแมวร้านนี้จะมีสกิลหลบกล้องค่อนข้างเก่ง
ถ้าไม่ถ่ายตอนนั่งๆ นอนๆ ก็อย่าหวังว่าจะยอมเป็นนายแบบ-นางแบบให้ง่ายๆ นะ
นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นหนีเลยเชียว

ก่อนเราจะกลับ ทางร้านก็ปล่อยลูกแมวเปอร์เซียร์ที่อยู่ในกรงด้านในออกมาเล่นด้วย
ความจริงเราไม่ค่อยชอบพันธุ์นี้สักเท่าไหร่ เพราะหน้ามันบู้บี้ ดูหงุดหงิดตลอดเวลา
แมวที่คุณป้าที่สงขลาเลี้ยง ก็พันธุ์เปอร์เซียนี่แหละ หงุดหงิดใส่ ตะปบเอาๆ เลยเข็ด
แต่พอได้เล่นด้วยกันวันนั้น นางน่ารักมากกก ขนนุ่ม ฟู น่าฟัดเป็นที่สุดเลย

ค่าสินสอดตัวเล็กสองตัวที่ปล่อยมา รู้สึกจะค่อนข้างถูกนะคะ
อยากได้เลย... แต่เจ้าขาหมู (หมาขี้อิจฉา) ที่บ้านคงไม่ยอม 555



จริงๆ ที่ร้านก็ยังมีโซนด้านนอก จัดไว้ให้ลูกค้านั่งรับลมด้วยเหมือนกัน
อากาศเย็นๆ ในเดือนธันวานี้ก็เหมาะจะนั่งจิบชาอยู่ข้างนอกมาก
แต่เราอยากเล่นกับแมวมากกว่า เลยขลุกอยู่ด้านในซะเป็นชั่วโมงเลย
แต่ต้องรีบกลับไปทำงานต่อ ก็เลยเช็คบิล กลับแล้ว


ก่อนกลับ ทางร้านมีแจกบัตรสะสมแต้ม + สติ๊กเกอร์ให้ด้วย
เอาไว้มีเวลาว่างเมื่อไหร่ จะไปอีกนะ








วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บันทึกการเดินทาง : ทริปทำบุญใหญ่ของบ้านแซ่พุ่ง วัดขาว•วัดน้ำเงิน•วัดเขียว•บ้านดำ•วัดลุง•วัดอนาลโย

ประมาณอาทิตย์ก่อน บ้านเราพากันไปทำบุญกฐินสร้าง-ต่อเติมพระธาตุวัดลุง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มาค่ะ... ได้คุณลุงมาเป็นเจ้าภาพ (หรือเค้าเรียกว่ายังไงกันนะ?)
ก็... อนุโมทนาบุญใหญ่บุญหลวงร่วมกันเอานะคะ  สาธุๆๆ ฮาาาา


ทริปนี้เริ่มสตาร์ทที่สนามบิน เพื่อมารับลุงและป้าๆ ของเรา
ไปถึงสนามบิน กลิ่นดอกกาสะลองนี่ล่องลอยมากับลม หอมเชียวละ
ถ้าปลูกดอกพวกนี้แทนต้นตีนเป็ด จะดีกว่ามากนะ 55555

เปิดทริปด้วยการพาญาติผู้ใหญ่ และลูกพี่ลูกน้องเราไปเที่ยววัดชื่อดังของจ.เชียงราย
จะวัดอะไรละ ถ้าไม่ใช่ "วัดร่องขุ่น"

แต่เนื่องจากตากล้อง (เราเอง) ใส่ชุดกระโปรงไป มันค่อนข้างสั้น
เลยเสียสละ รออยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้าไปไหว้พระข้างใน
แต่ออกมาเดินตลาดข้างนอกแทน..
มีชุดผ้าหม้อฮ่อมสวยๆ หลายชุดเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีเวลาเลือกซื้อ
เพราะหลังจากทานข้าวเช้ากันที่นี่แล้ว คนขับก็พาไป ไร่บุญรอด : สิงห์พาร์ค ต่อเพื่อทำเวลา


และเพราะ "ต้องทำเวลา" นี่แหละ เลยได้แค่แวะไปดูไร่ชาแป๊บนึง
แล้วก็แวะไปซื้อนมปั่นที่ด้านหน้าอีกแป๊บเดียว จากนั้นก็เดินทางต่อ
ไปที่ "วัดร่องเสือเต้น"


ก็นะ.. ไปวัดขาวมาแล้ว มาเที่ยววัดสีน้ำเงินบ้าง
เข้าไปนั่งข้างในแล้วรู้สึกเย็นจริงๆ แม้ว่าข้างนอกอากาศจะร้อนเปรี้ยงก็เถอะ
ก็แวะทานอาหารว่างพวกลูกชิ้น หมูยอนึ่ง ที่รู้สึกว่าจะถูกปากผู้ใหญ่มาก
ก่อนเดินทางต่อไปยัง "วัดห้วยปลากั้ง" จุดมุ่งหมายจริงๆ ของวันนี้ (ก่อนเข้าที่พัก)


เป็นเจ้าแม่อวนอิมองค์ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
องค์ใหญ่มากจริงๆ นะ และน่าจะใหญ่ที่สุดในประเทศหรือเปล่าก็ไม่รู้ละ
แต่สามารถขึ้นลิฟต์ ที่อยู่ภายในองค์เจ้าแม่เพื่อไปชมวิวรอบๆ ได้ด้วยละ
ซึ่งจุดที่จะโผล่มาชมวิว ก็คือจุดตรงกลางหน้าผากเจ้าแม่กวนอิมนั่นแหละ


และเจดีย์ที่อยู่ด้านข้าง ก็มีความสูงถึง 9 ชั้น
และไม่มีลิฟต์นะคะ เดินขึ้นไปค่ะ วนไปเรื่อยๆ
ยิ่งชั้นสูง ก็บันไดก็ยิ่งแคบ โดยเฉพาะชั้นเก้า
เป็นห้องเล็กๆ ที่ต้องผลัดกันขึ้นไปทีละกลุ่ม 4-5 คน
มากกว่านั้น จะอึดอัดและคับแคบเกินไป

โดยแต่ละชั้นก็จะมีพระพุทธรูป  รูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ ครูบา พระสาวกต่างๆ กันไป
โดยชั้นแรกคือ เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ มีเด็กชายหญิงขนาบข้าง

โดยชั้น 2-3 จะเป็นรูปปั้น-รูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ หลายองค์
ชั้น 4 - 7 ก็จะมีรูปปั้นครูบา และพระพุทธรูป
ชั้น 8 เป็นพระสังกัจจายน์ ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
ชั้น 9 ตอนแรกนึกว่าเป็นเจ้าแม่กวนอิม 
แต่คุณลุงที่นั่นบอกว่า เป็นพระยูไล ต่างหากละ
แป่ววว เข้าใจผิดกันไปตามๆ กัน

พระอุโบสถตรงกลางยังสร้างไม่เสร็จ
และพอออกจากเจดีย์ ไปเดินเล่นที่ฐานเจ้าแม่กวนอิม
แวะมาทานอาหารที่โรงทาน ก่อนจะออกเดินทางค่ะ
ที่นี่มีเด็กๆ ค่อยช่วยเหลืองานด้วยนะคะ
ทานเสร็จแล้ว เอาจานชามไปยื่นให้เด็กๆ ล้างค่ะ
ส่วนพวกเรา.. ถ้าเอ็นดูเด็กๆ ก็สามารถช่วยเหลือบริจาคข้าวของให้แก่ทางวัดได้นะคะ
เห็นป้ายรับบริจาคของใช้จำเป็นอยู่ค่ะ แต่พอดีไม่ได้ถ่ายรูปไว้
ใครอยากบริจาค ลองติดต่อทางวัดดูนะคะ 


เอาละ เดินทางต่อ!!
เนื่องจากมีเวลาเหลืออีกนิดนึง
คนขับและพ่อหลวงบ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน ภาษาเหนือ) บอกงั้นแวะบ้านดำด้วยก็ได้
บ้านดำปิด 5 โมงเย็น... เราไปถึงกันตอน 4.30 เป๊ะ
เดินดูได้ครึ่งชั่วโมงค่ะ รีบเดินค่ะ ไป!







ถ้าจะถามนะ.. เราว่าบ้านดำเป็นสถานที่ เป็นอะไร cool มาก
ไม่ใช่อากาศเย็นอะไรหรอกนะ (555)  แต่มันมีความเท่แบบไม่เหมือนใคร
และขนาดหงส์ (หรือห่าน?) ที่นี่ก็ยังเป็นสีดำ แต่มีความปากแดงรุนแรงมาก 5555
จบตรงนี้แล้ว ก็นั่งรถยาวไปเชียงของเลยค่ะ สองชั่วโมง ไม่มีแวะปั๊มด้วย เหอะๆ
ถึงที่พักก็ราวๆ ทุ่มนิดๆ
เป็นโรงแรมติดแม่น้ำโขงเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามก็ประเทศลาวแล้ว
และเนื่องจากเรามาถึงกัน มันก็ค่ำแล้ว ไม่มีละค่ะ นั่งเรือล่องน้ำโขง
เวลานั้นขอเข้าห้องพักไปนอนเอาแรงกันแล้ว นั่งรถเพลีย ปวดหลังมาก
แต่ก็มีขอยืมจักรยาน (ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้าใช้ฟรี) ปั่นไป 7-11 แถวนั้น
เพราะหลายคนก็ลืมเตรียมแปรงฟัน ยาสีฟันมากัน
ตอนกลางคืนที่นี่ก็เงียบสงบไม่ต่างจากบ้านเรา (พะเยา) 


วิวตอนเช้าค่ะ.. นี่เจ็ดโมงกว่าแล้ว ยังพอจะมีหมอกอยู่บ้าง
จริงๆ ถ้าตื่นเช้ากว่านี้จะมีหมอกเยอะกว่านี้
แต่พอดีว่าห้องพักเราพักกันสี่คน (จองห้องไว้แค่ 5 แต่มากัน 12)
เลยต้องผลัดกันอาบน้ำ กว่าจะแต่งตัวเสร็จ เราก็มาไม่ทันข้าวต้มซะแล้ว
กินแต่หนมปังปิ้งทาเนยกะแยมส้มไปสองแผ่น น้ำร้อนก็ไม่เหลือให้กินละ
แต่!! ถือว่าเป็นความโชคดีค่ะ เพราะทานน้อย เลยได้มาทานต่อที่วัด

เป็นข้าวต้มทรงเครื่องธรรมดาๆ นี่แหละค่ะ
แต่อร่อยมาก!!  ซดซะหมดถ้วยเลย แม่บ้านโรงครัวก็มาถามว่าจะรับเพิ่มมั้ย
แต่พอดีอิ่มแล้ว ก็เลยพอ (เพราะมีขนมอย่างอื่นให้กินอีก 555)
หลังจากนั้นพิธีก็เริ่มค่ะ ตั้งขบวนแห่เข้าวัด
เราก็รับหน้าที่เป็นตากล้อง วิ่งดักหน้าดักหลัง ถ่ายรูปขบวน
ส่วนรูปตัวเองนี่หรอ... หลับตาฝันเถอะ วรางคณาเกิดมาถ่ายรูปให้คนอื่นค่ะ 5555










กฐินต้นนี้เป็นของเจ้าภาพร่วมอีกกลุ่มนึงนะคะ
ทางวัดเค้าจัดทำกันสวยมาก แบ่งสีเป็นชั้นๆ
ส่วนกองเรานี่อยู่ในซองกระดาษค่ะ 55555
เดินทางมาไกลกัน ไม่มีเวลาได้จัดต้นกฐินหรอก




อาหารกลางวัน แม่บ้านก็ทำอร่อยมากเหมือนกัน โดยเฉพาะหมูทอด ทอดมาเป็นชิ้นพอดีคำ
ทอดมาร้อนๆ กินกับข้าวเหนียวอร่อยมาก แถมยังใจดีห่อให้มาทานระหว่างเดินทางกลับอีก



หลังจากเสร็จพิธีแล้ว เราก็ไปไหว้พระธาตุกันค่ะ
อยู่ห่างจากวัดไปนิดนึง อยู่บนดอยที่ค่อนข้างชัน
ก็นั่งรถขึ้นไปถึงที่จอดรถ  แดดวันนั้นค่อนข้างจัด
(ต่างจากครั้งก่อนที่ไป เพราะฝนตกหนักมาก 555)

ทางขึ้นนี่ค่อนข้างชันกันเลยทีเดียว แค่สองร้อยกว่าขั้นเอ๊งง
แต่ถ้าเดินไม่ไหว ก็มีลิฟต์ให้นั่งขึ้นไป ได้ครั้งละ 4 คน

ด้านในก็จะมีพระธาตุอยู่


ส่วนข้างนอกก็จะมีวิวสวยๆ แบบนี้ให้ดู
วิวที่คราวก่อนมาแล้วไม่ได้เห็น เพราะถูกฝนบังหมดเลย 5555
พอไหว้พระเจ้าทันใจ ที่ตุ๊พี่เล่าให้ฟังว่าสร้างเสร็จในวันเดียว
ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้านที่ขนดิน ขนปูน ขนทรายมาช่วยกันสร้าง
ก็เสร็จทันใจภายในวันเดียวจริงๆ ตอนนี้ที่เหลือก็แค่สร้างวิหารเท่านั้น
หลังลุงๆ ป้าๆ ขอทำบุญสร้างวิหารเพิ่มแล้ว พวกเราก็ลงจากพระธาตุ
เพื่อกลับพะเยากันซะที... มุ่งหน้าตรงดิ่งไปพะเยาแบบไม่แวะพักอีกแล้ว
แถมก่อนจะเข้าบ้าน ก็ขอไปเที่ยววัดอนาลโยสักรอบ ให้สมกับเป็นทริปทำบุญ


คราวนี้มาชมวิวมุมสูงของจังหวัดพะเยากันบ้าง
ผืนน้ำกว้างๆ ที่เห็นอยู่ก็คือกว๊านพะเยา (จุดมุ่งหมายต่อไป)
เสียดายที่ปีนี้นาข้าวไม่สวยเท่าปีก่อนๆ เพราะภัยธรรมชาติหลากหลายจริงๆ

เนื่องจากไปตอนเย็นแล้ว กล้องก็ถ่ายรูปงานมาตลอดทั้งวัน จนแบตจะหมด
เลยไม่ได้ถ่ายวิวสวยๆ ของที่วัดมาอวดเลย ได้แค่ภาพกลุ่มก่อนกลับเท่านั้น
จากนั้นก็เดินทางเข้าตัวเมืองพะเยา เข้าบ้านมาพักผ่อน ทานอาหารเย็น
ก่อนจะพากันไปเดินเล่นในงานลอยกระทงที่กว๊านพะเยา
ไหว้พ่อขุน ให้อาหารปลา ลอยกระทงกันพอเป็นพิธี เดินเล่นอีกนิดหน่อยก็พากันกลับไปพักผ่อน
เพราะคุณลุงกับลูกพี่ลูกน้องต้องบินกลับพรุ่งนี้เช้า

ทริปทำบุญนี้ก็จบแค่นี้สำหรับกลุ่มใหญ่
แต่หลังจากไปส่งลุงขึ้นเครื่องแล้ว ก็มีแวบไปเที่ยวดอยตุงกันด้วย
(ถ้าจะอัพก็คงบล็อกหน้า เพราะเอนทรี่นี้ชักจะยาวไปแล้ว)
เอาไว้มีโอกาส ขยันๆ อัพลงบล็อกอีกเมื่อไหร่
จะมาเขียนเล่าถึงดอยตุงที่ไปเที่ยวมาอีกแล้วกัน
เพราะที่นั่นก็มีอะไรที่อยากแนะนำให้หลายๆ คนไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะ "หอแห่งแรงบันดาลใจ"  ที่อยากให้ไปจริงๆ

เอาไว้เจอกันโอกาสหน้านะคะ
Bye~